ดิสนีย์ฉบับคลาสสิกคือการ์ตูนที่วาดมือในแบบ 2D (hand-drawn 2D animated) ซึ่งสำหรับ Waltz Disney Studio เองนั้นเริ่มต้นด้วยการ์ตูนสองมิติฉบับสั้นอย่าง Mickey Mouse ที่ถูกพัฒนาขึ้นในปีค.ศ. 1928 แต่ว่าก็ไม่ได้ทำเงินให้กับค่ายมากเท่าไหร่นักด้วยความที่เป็นเพียงการ์ตูนสั้น หลังจากนั้น 5 ปีดิสนีย์ถึงตัดสินใจขยายโปรดักชั่นให้ใหญ่ขึ้นด้วยการสร้างการ์ตูนแบบฉบับยาวออกมาเป็นครั้งแรกกับเรื่อง Snow White and the Seven Dwarfs ที่ใช้เวลาร่วมทั้งหมด 4 ปีในการสร้างโดยออกฉายเมื่อปีค.ศ. 1937 และกลายมาเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่สร้างชื่อเสียงและรายได้มากที่สุดในตอนนั้นเลยด้วย และแม้ดิสนีย์จะเดินหน้าสร้างการ์ตูน 2D ต่อมาเรื่อยๆ อย่างเรื่อง เจ้าหนูขี้โกหก Pinocchio, การผจญภัยของมิกกี้เม้าส์ Fantasia, เจ้าช้างน้อยหูใหญ่ Dumbo หรือแม้แต่กวางน้อยอย่าง Bambi ก็ไม่ได้ช่วยให้รายได้ของค่ายในตอนนั้นกระเตื้องขึ้นแต่อย่างใด

การเข้ามาของการ์ตูนแอนิเมชั่น 3D ของค่าย Waltz Disney Studio ที่ถูกเนรมิตให้เหมือนคนจริงกำลังครองใจคนทั่วโลก ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนอย่าง Frozen เจ้าหญิงอันนาและเอลซ่าที่กลายมาเป็นเจ้าหญิงในดวงใจของเด็กผู้หญิงในยุคนี้ หรือจะเป็น Finding Nemo ที่ทุกคนเอาใจช่วยไปกับการผจญภัยระหว่างทางของผองเพื่อนปลาน้อย แม้กระทั่งการ์ตูนยอดฮิตที่เรียกเสียงน้ำตาได้จากคนทุกเพศทุกวัยอย่าง Toy Story และเรื่องราวมิตรภาพของเพื่อนต่างวัยอย่าง Up แต่ถ้าหากย้อนกลับไปสัก 25-30 ปีที่แล้วการ์ตูนที่ทำให้วัยรุ่นยุคนั้นหรือคนวัย 20 ปลายถึง 30 กว่าตอนนี้ชื่นชอบมากที่สุดต้องยกให้การ์ตูนดิสนีย์คลาสสิกในแบบ The old Disney Classic

กระทั่งดิสนีย์หันมาจับจุดได้อีกครั้งอย่างการสร้างการ์ตูนเจ้าหญิง Cinderella ในปีค.ศ. 1950 ตามมาด้วยอีกเรื่องดังอย่างเจ้าหญิงนิทรา Sleeping Beauty แต่ช่วงที่ทำให้ค่ายดิสนียพีคถึงขั้นสูงสุดคือช่วงปลาย 80 เข้าช่วง 90 มาแล้วกับทัพการ์ตูนเจ้าหญิงอย่าง The Little Mermaid, Beauty and the Beast, Aladdin, The Lion King, Pocahontas, Hercules, Mulan และ Tarzan โดยมีเรื่อง The Princess and The Frog เป็นเรื่องสุดท้ายที่กลับมาใช้การวาดแบบ 2D นั่นเอง นับจากสโนว์ไวท์และคนแคระทั้ง 7 ในปีค.ศ. 1937 จนถึงปัจจุบันเรามีโอกาสได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครต่างๆ ตั้งแต่การวาดด้วยมือจวบจนมาเป็นแบบคอมพิวเตอร์สร้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีนั้นช่วยให้การทำงานสะดวกสบายมากขึ้นและช่วยซื้อเวลาได้มากขึ้นกว่าเดิม หากบางครั้งรายละเอียดเล็กน้อยก็ถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งดีเทลเหล่านี้เองก็ยังต้องใช้คนวาดด้วยมือเข้ามาช่วยไกด์ให้คอมพิวเตอร์สามารถจับทางได้นั่นเอง
More Stories
ภาพยนตร์เรื่อง The Guernsey Literary and Potato Peel Pie Society (2018) จดหมายรักจากเกิร์นซีย์
แน่นอนว่า CGI Backlash ของ Avatar 2 นั้นผิด – มันคือภาพยนตร์เจมส์คาเมรอน
รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Scenic Route – ซีนิค รูท หนทางดักมรณะ(2013)